• อาทิตย์. มี.ค. 26th, 2023

ดูอนิเมะ เว็บอนิเมะออนไลน์ anime subthai

รีวิวเว็บดูการ์ตูน ดูอนิเมะซับไทย ดูการ์ตูนออนไลน์ ดูอนิเมะพากย์ไทย ดูanime การ์ตูน อนิเมะญี่ปุ่น การ์ตูนซับไทย การ์ตูนพากย์ไทย gg-anime อัพเดตตลอด 24 ช.ม.

Clubhouse คืออะไร ทำไมถูกแบนในจีน

ByAntonio Burton

ก.พ. 21, 2021

“ค่ายปรับทัศนคติ” ที่เขตซินเจียงของจีนมีจริงหรือไม่ ไต้หวันควรได้รับเอกราชจากจีนหรือเปล่า หัวข้อสนทนาเหล่านี้กำลังเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงผ่านแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียชื่อ คลับเฮาส์ (Clubhouse) ที่คนใช้เสียงคุยกันอย่างเดียว และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้

จึงไม่น่าแปลกใจที่ล่าสุดคนในจีนไม่สามารถที่จะใช้แอปพลิเคชันนี้ได้แล้ว
แอปพลิเคชันนี้เป็นอย่างไร
คลับเฮาส์เป็นแอปพลิเคชันที่ยังคงใช้ได้เฉพาะในหมู่คนใช้โทรศัทพ์มือถือไอโฟนเท่านั้น รวมทั้งจะต้องได้รับ “คำชักชวน” จากผู้ที่ใช้แอปฯ อยู่แล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปใช้เพื่อพูดคุยกันทางเสียงเท่านั้น ลักษณะที่คล้ายๆครึ่งหนึ่งวิทยุสื่อสาร ครึ่งหนึ่งห้องที่ใช้สำหรับการประชุมออนไลน์ ดังคุณกำลังฟังพอเพียงดคาสต์แบบสดๆแต่ว่าก็สามารถเข้าไปพูดคุยได้ด้วย
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะด้านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เซ็นเซอร์ทาวเวอร์ (Sensor Tower) นับถึงวันที่ 31 เดือนมกราคม พบว่ามีการดาวน์โหลดแอปฯ นี้ไปแล้ว 2.3 ล้านครั้งร่วมกัน หลังจากเปิดตัวเมื่อ พ.ค. ที่แล้ว โดยในตอนนั้นราคาของเครือข่ายโซเชียลมีเดียนี้อยู่ที่แทบ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แต่ว่ามีกล่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้ ขยับขึ้นไปแตะพันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แล้ว
ในเชิงเคล็ดลับแล้ว แอปฯ นี้มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง เนื่องมาจากไม่มีวันเลือกให้คนอัดเสียงบทพูดเอาไว้ได้ แต่ว่าก็มีในกรณีที่มีคนแอบอัดเสียงพูดคุยของคนดัง แล้วเอาไปอัปโหลดลงยูทิวบ์ในตอนหลัง
เดี๋ยวนี้คนดังในสหรัฐอเมริกา เริ่มหันมาใช้แอปฯ นี้มากยิ่งขึ้นอาทิเช่น โอปราห์ วินฟรีย์ เดเกลื่อนกลาด รวมทั้งจาเรด เลโต จากที่เคยใช้กันในหมู่ผู้ที่มีความชำนาญทางเทคโนโลยีรวมทั้งนักลงทุน ในแถบซิลิคอนแวลลีย์ของสหรัฐอเมริกา เท่านั้น จนกว่ายอดดาวน์โหลดพุ่งเป็นเท่าตัวหลังอีลอน มัสก์ รวมทั้งมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เริ่มใช้แพลตฟอร์มนี้ด้วย
ช่องโหว่


ที่ผ่านมาคนในจีนสามารถใช้แอปฯ นี้ได้จนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว โดยในระหว่างช่วงเวลาสั้นๆนั้น คนได้ฉวยโอกาสใช้ “ช่องโหว่” นี้ พูดคุยกันถึง “เรื่องต้องห้าม” ไม่ว่าจะเกิดเรื่องชาวอุยกูร์ในสินเจียง การกำจัดผู้คัดค้านฮ่องกง หรือความข้องเกี่ยวระหว่างไต้หวันกับจีน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าอินเทอร์เน็ตจริงๆ” หญิงจากจีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งกล่าวในห้องสนทนาหนึ่ง
บีบีซีมีโอกาสได้เข้าไปฟังบทพูดพวกนี้ด้วย อย่างในห้องสนทนาที่ชื่อ “Everyone asks Everyone” เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน คนจากทั้งจีนรวมทั้งไต้หวันร่วมพูดคุยกันด้วยภาษาจีนกลาง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องประโยช์จากระบบประชาธิปไตยในประเทศที่คนพูดภาษาจีน ความเป็นไปได้ที่จีนจะมาเพิ่มเติมไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอย่างเป็นทางการ ไปจนกระทั่งเรื่องส่วนบุคคล
ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันรวมทั้งฮ่องกง นี่ไม่ใช่การปรากฏที่เกิดขึ้นบ่อยมาก เพราะจีนใช้เทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนสำหรับการคัดกรองรวมทั้งสำรวจข้อมูลการใช้แรงงานอินเทอร์เน็ตของราษฎร ซึ่งนักวิจารณ์เรียกอุปกรณ์พวกนี้แบบเสียดสีว่า “กำแพงไฟร์วอลล์เมืองจีน” (great firewall)
เดี๋ยวนี้ ถ้าผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เมืองบนแพลตฟอร์มที่ยังคงใช้ได้ในประเทศอย่างเว็บไซต์ เว่ยป๋อ (Weibo) รวมทั้งแอปพลิเคชันวีแชต (WeChat) ก็อาจถูกทางการจัดการได้ แต่ว่าในช่วงเวลาสั้นๆที่คนในจีนสามารถใช้คลับเฮาส์ได้ ไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาการสนทนาอะไร ทำให้คนก็รู้สึกไม่เป็นอันตรายในระดับหนึ่งเนื่องมาจากไม่มีวันเลือกให้คนอัดเสียงบทพูดเอาไว้ จนกระทั่งจุดหนึ่งมีคนเข้าร่วมในห้องสนทนาดังกล่าวข้างต้นพร้อมถึง 5 พันคน
“ว่ากันตรงๆมันก็มีการโฆษณาชวนเชื่อกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ เพราะเหตุไรเราไม่พยายามมาเข้าใจกันและกันให้มากเพิ่มขึ้น เห็นใจกัน รวมทั้งให้การสนับสนุนกัน” หญิงจากไต้หวันคนหนึ่งกล่าว
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว มีห้องสนทนาชื่อ “มีค่ายกักกันที่สินเจียงหรือเปล่า” (Is there a concentration camp in Xinjiang?) ที่คนเข้าไปแย้งกันนานถึง 12 ชั่วโมง ฟรานซิส (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้สร้างกรุ๊ปบอกกับบีบีซีว่า กลุ่มนี้มิได้มีเพื่อถามว่าค่ายกักขังมีใช่หรือไม่ แต่ว่าเพื่อคนมีให้ความคิดเห็นที่แตกต่างต่อหลักการของจีนในเขตดูแลสินเจียง
“คนฟังที่เป็นคนจีนเชื้อสายฮั่นคนจำนวนไม่น้อย ซึ่งเคยไม่เชื่อว่ามีค่ายพวกนี้จริง รู้สึกร่วมไปกับคำกล่าวเรื่องราวชีวิตจากปากชาวอุยกูร์รวมทั้งเข้าใจสุดท้ายว่ามีเรื่องทารุณเพียงใดเกิดขึ้น นี่อาจเป็นความสำเร็จสูงสุดของกรุ๊ปพูดคุยนี้” ฟรานซิส ซึ่งเป็นเป็นนักทำหนังคนจีนเชื้อสายฮั่นที่อาศัยอยู่ในนครลอสแอนเจลิส กล่าว
ข้อกังวล
ในช่วงเวลาที่แอปฯ ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นแต่ว่าก็เริ่มมีความวิตกกังวลมากเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันโดยคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการควบคุมผู้เข้าร่วมบทพูด
เมื่อเดือน ธ.ค. เคเกลื่อนกลาด เจนรับประทานส์ เขียนบทความลงในเว็บไซต์วัลเชอร์ (Vulture) ว่า ถ้าคนที่สร้างกรุ๊ปรวมทั้งรอควบคุมบทพูดไม่ระวัง การสนทนาก็อาจเปลี่ยนเป็นการโจมตีกันและกันได้
เขาบอกอีกว่า จะต้องรอดูกันถัดไปว่าคนแค่สนใจแอปพลิเคชัน ที่ในระดับหนึ่งก็ไม่มีความต่างจากการเลียนแบบประสบการณ์การแชตออนไลน์กับคนแปลกหน้าในสมัยทศวรรษ 90 เพียงเพราะในเวลานี้เราจะต้องอยู่กับบ้านรวมทั้งรู้สึกเหงาหงอยหรือเปล่า
Clubhouse ในไทย
แอปพลิเคชันนี้กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนไทยมากขึ้นเช่นเดียวกัน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ใช้โซเชียลมีเดียรวมทั้ง “อินฟลูเอนเซอร์” ในโลกอินเตอร์เน็ตคนจำนวนไม่น้อยโพสต์ข้อความเล่าประสบการณ์การเข้าร่วมหรือเป็นเจ้าภาพ (โฮสต์) การคุยกันในหัวข้อต่างๆในคลับเฮาส์ ยกตัวอย่างเช่น สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ เปิดห้องสนทนาหัวข้อ “วิธีเปลี่ยนความคิดกองเชียร์ทหาร” รวมทั้ง ปวิน สว่างโคตรพันธ์ นักวิชาการรวมทั้งผู้ลี้ภัยการเมือง เปิดห้องสนทนาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์รวมทั้งในหลวงรัชกาลที่ 10
นักการเมือง นักวิชาการ นักวิจารณ์รวมทั้งสื่อมวลชนที่มีชื่อเยอะมากๆขึ้นเรื่อยต่างก็ดาวน์โหลดคลับเฮาส์มาใช้รวมทั้งเข้าร่วมการคุยกัน
เมื่อเร็วๆนี้ยังมีผู้ตั้งบัญชีทวิตเตอร์ @ClubhouseTh ซึ่งมิได้เป็นบัญชีทางการของแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นช่องทางให้บรรดาเจ้าของงานห้องสนทนาคลับเฮาส์ โฆษณาห้องสนทนาของตนเอง ซึ่งปรากฏว่ามีการโฆษณาห้องสนทนาในหัวข้อที่มากมาย ตั้งแต่เรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ การบ้านการเมืองในภรรยานมา แชร์ประสบการณ์เลวร้ายสำหรับการดำเนินงาน ไปจนกระทั่งเรื่องดูชะตารวมทั้งไสยเวท
ทวิตเตอร์ @ClubhouseTh ยังให้ข้อมูลเพราะห้องสนทนาของ ดร.ปวิน เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 10 ตอนวันที่ 16 เดือนกุมภาพันธ์ “สร้างการปรากฏใหม่กับการนำห้องคลับเฮาส์เต็มถึง 2 ห้องๆละ 6 พันคน ยอดฟังกว่า 1.2 หมื่นคน”